10 แนวคิด สร้างเงินล้านใน 1 ปี ด้วยหุ้น
02 Sep 2015 | 12557
- Deepscope Site Admin
สูตรลับ... การลงทุน เกิดจากความคิด วิเคราะห์ ฝึกฝน และ ปรับตัวตามสถานการณ์การลงทุนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตัวเองสามารถดำรงตน อยู่ในกลุ่มของคนที่สามารถทำกำไรจากตลาด มากกว่าการ "สูญเสียเงินลงทุน" ให้กับคนอื่น ซึ่ง "แนวคิด" ที่ควรนำมาปฏิบัติ มีดังนี้
- มั่นใจว่าคุณก็มีความรู้ที่เก๋าพอตัว อย่าลืมว่า ระบบการจับคู่ซื้อขายในตลาดเกิดจากแนวคิดที่ว่า หากคุณจะซื้อหุ้นได้ ก็จะต้องมีคนขาย ซึ่งแน่นอนว่า คุณกำลังจะซื้อหุ้น ก็เพราะคุณคิดว่า หุ้นตัวนั้น มันกำลังจะขึ้น และ ในขณะเดียวกัน คนที่ขายหุ้นให้กับคุณ เขาก็คิดว่า หุ้นกำลังจะลงเช่นกันถึงได้ขาย ดังนั้น คนที่ตัดสินใจถูกเท่านั้น ถึงจะได้เงินจากตลาดไป
- สร้างอัตราการเติบโตของพอร์ตให้สูงขึ้นตลอดเวลา มีความหมายง่าย ๆ คือ ความมั่งคั่งของคุณ ขึ้นอยู่กับ อัตราการเติบโตของเงินในพอร์ต ดังนั้น หน้าที่ของเทรดเดอร์ คือ คัดสรรหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเข้าพอร์ตให้มาก เท่าที่เงินจะมี และในขณะเดียวกัน ก็ต้องพยายามเอาหุ้นที่มีอัตราการเติบโตน้อย ออกจากพอร์ตไป เพื่อสร้าง “กระแสเงินสด” ให้เพียงพอ จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่า เจอหุ้นดี แต่ไม่มีเงิน
- ติดหุ้น คือ ด้านมืดของการลงทุน ดังนั้นผมขอกล่าวว่า หากคุณยอมติดหุ้นบ่อย ๆ โดยหุ้นตัวนั้นไม่ยอมปรับตัวขึ้นเสียที นั้นย่อมหมายถึง คุณยอมให้เงินของคุณไม่สามารถทำงานสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ จะเสียดายไปทำไม ในเมื่อยังมีหุ้นอีกเป็น 100 ในตลาด ที่พร้อมจะให้คุณซื้อ ในราคาประหยัด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าหุ้นที่คุณถืออยู่
- ตั้งเป้าการทำกำไรให้สอดคล้องกับ ความเป็นจริง มากกว่า ที่จะตั้งเป้าทำกำไร เพราะหวังรวย แนวคิดนี้ ถูกต้องเสมอ อยู่คู่กับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ทุกคนที่ลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่ ก็หวังรวยด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น เป้าหมายของการขาย ก็คงมากขึ้นตามระดับความโลภ แต่จริง ๆ แล้ว หุ้นแต่ละตัว ก็มีเป้าหมายของราคาที่แตกต่างกัน หากหุ้นปรับราคาถึงเป้าแล้วคุณไม่ขาย คุณอาจพบกับภาวะการขาดทุน หรือ ติดหุ้นก็เป็นได้
- อย่าซื้อเฉลี่ย หากยังไม่เห็นจุด bottom คำพูดยอดฮิต เวลาหุ้นตก คือ การเข้าซื้อเฉลี่ย เพื่อให้ต้นทุนของหุ้นที่ถืออยู่ต่ำลง แต่เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ (รวมถึงตัวผมเอง) มีเงินลงทุนจำกัด ดังนั้น การเข้าซื้อเฉลี่ย โดยที่หุ้นยังคงปรับตัวลงต่อไปเรื่อย ๆ คงไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่
- อย่าตกใจกับการปรับฐานของราคาหุ้น แต่ให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ราคาปรับตัวลงไปเท่าไหร่ ถึงจะไม่สามารถขึ้นได้แล้ว (ณ ขณะนี้) เพราะการปรับฐานอาจเกิดจากแรงเทขายของนักลงทุนระยะสั้น ซึ่งเป็นภาวะระยะสั้น ซึ่งไม่ส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะกลาง และ ยาว
- อย่าเล่นหุ้นปั่น หากคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์ การลงทุน(เก็งกำไร)มาก่อน เพราะหุ้นปั่น เป็นหุ้นที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ ขึ้นเร็ว และ ลงเร็ว ดังนั้น กำไรที่ได้ ณ วันนี้ อาจเป็นการขาดทุนในวันพรุ่งนี้ ก็เป็นได้ หากคุณไม่ยอมเฝ้าพอร์ตการลงทุนให้ดี ๆ
- ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ โดยไม่จ่ายผลตอบแทน ดังนั้น หุ้นเด็ดที่ได้มาจากงานสัมมนา อาจสร้างความบอบช้ำให้กับคุณได้ พอ ๆ กับความร่ำรวย หากคุณนำไปลงทุน โดยไม่ยอมพิจารณา หรือ กลั่นกรองเสียก่อน
- อย่าตั้ง จุด Stop loss เป็น % จากราคาหุ้น แต่ควรตั้งตามความผันผวนของราคาหุ้นในอดีตจะดีกว่า เพราะหุ้นที่ราคาเท่ากัน แต่อาจมีพฤติกรรมการแกว่งตัว และความผันผวนของราคาที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น สูตรสำเร็จรูปในการหาจุด Stop loss จึงไม่ควรคิดจากฐานราคา หุ้น แต่ควรนำ ความผันผวนของหุ้นตัวนั้น ๆ มาประกอบด้วย
- อย่าอิจฉาคนอื่น ที่ทำกำไรได้มากกว่า เรา เพราะในบางครั้ง คนบางคน อาจเกิดมาเพื่อเป็นนักลงทุนระยะสั้น เพราะเขาเหล่านั้น ไม่สามารถทนต่อความผันผวนการราคาหุ้นได้ ประเภทเห็นหุ้นจะลงทีไร ก็อดที่จะรีบขายออกไปไม่ได้ (พอขายแล้วทีไร หุ้นก็ขึ้นทุกที) แต่สำหรับบางคน อาจเป็นนักลงทุนระยะกลาง และ ยาว ที่สามารถทนต่อความผันผวนได้ดี ทำให้สามารถเทรดตามแนวโน้มได้ จึงได้ผลตอบแทนเมื่อคิดเป็น % ที่สูงกว่า แต่ก็อย่าลืมว่า เขาเหล่านั้น ก็ต้องถือหุ้นเอาไว้นานกว่าด้วยเช่นกัน
และอย่าลืมใช้เครื่องมือหุ้น SETScope เพื่อหาหุ้นคุณภาพทั้งสุขภาพทางการเงินและประสิทธิภาพการทำกำไร เช่น ลองดูหุ้นปันผลดีและสุขภาพดีต่อเนื่องหลายปีติดต่อกันได้ที่ฟีเจอร์ iDividend มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ฟรี!! คลิกดู!! -> http://setscope.com/idividend/