กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เรื่องควรรู้ มนุษย์เงินเดือนอย่าพลาด
03 Jul 2024 | 241
- Deepscope Site Admin
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง เพื่อเป็นเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุ ออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัวหากลูกจ้างเสียชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกจ้างมีวินัยในการออมเงิน และสร้างหลักประกันทางการเงินในอนาคต
บทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญ ที่ลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนควรรู้ เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
1. อะไรคือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ้าง เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ลูกจ้าง เงินในกองทุนจะมาจากเงินสมทบของลูกจ้าง และเงินสมทบจากนายจ้าง ซึ่งนายจ้างแต่ละแห่งมีนโยบายการสมทบที่แตกต่างกัน
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
เงินสะสม: เงินที่ “ลูกจ้าง” จ่ายเข้ากองทุนเพื่อตนเอง โดยกฎหมายกำหนดให้สะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน
เงินสมทบ: เงินที่ “นายจ้าง” จ่ายเข้ากองทุนให้ลูกจ้างอีกส่วน โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างสมทบได้ตั้งแต่ 2-15% แต่ต้องเป็นอัตราที่ไม่ต่ำกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง
ในระหว่างที่เงินอยู่ในกองทุน จะมีมืออาชีพที่เรียกว่า “บริษัทจัดการ” หรือ “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน” (บลจ.) นำเงินไปลงทุนในตราสารทางการเงินประเภทต่าง ๆ ที่สมาชิกกองทุนได้เลือกไว้ เช่น นโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น ฯลฯ เพื่อสร้างดอกผลให้กับกองทุน โดยจะนำดอกผลที่เกิดขึ้นมาเฉลี่ยให้กับสมาชิกทุกคนตามสัดส่วนของเงินที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน ซึ่งดอกผลที่เกิดจากการนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนเรียกว่า “ผลประโยชน์ของเงินสะสม” และ “ผลประโยชน์ของเงินสมทบ”
ประเภทของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบบำนาญ: จ่ายเงินบำนาญรายเดือน หลังเกษียณอายุ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบชำระเบี้ยเลี้ยงชีพ: จ่ายเงินก้อน หลังเกษียณอายุ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบผสมผสาน: จ่ายเงินก้อน และเงินบำนาญรายเดือน หลังเกษียณอายุ
2. ใครบ้างที่มีสิทธิ์เข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ลูกจ้างประจำที่มีสัญญาจ้าง 6 เดือนขึ้นไป โดยทั่วไปแล้ว ลูกจ้างทุกคนมีสิทธิ์เข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เว้นแต่ลูกจ้างบางประเภท เช่น ลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างพาร์ทไทม์ หรือลูกจ้างที่ทำงานไม่ครบตามจำนวนชั่วโมงต่อวันหรือต่อสัปดาห์ ซึ่งลูกจ้างแต่ละแห่งมีเกณฑ์การเข้าร่วมกองทุนที่แตกต่างกัน
3. ประโยชน์ของการเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
มีเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุ
: เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะช่วยให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในยามเกษียณ
สร้างหลักประกันทางการเงิน
: กองทุนสำรองเลี้ยงชีพช่วยสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่ลูกจ้าง กรณีลูกจ้างออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
: เงินสมทบที่ลูกจ้างนำไปลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้
ลงทุนโดยมืออาชีพ
: เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้รับการบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการกองทุน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
4. ลูกจ้างควรเริ่มต้นลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไร
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
: ลูกจ้างควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท เช่น นโยบายการสมทบ กองทุนที่ลงทุน ผลตอบแทน และความเสี่ยง
เลือกกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุน
: ลูกจ้างควรเลือกกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุน โดยพิจารณาจากอายุ ระยะเวลาที่เหลือจนถึงเกษียณอายุ และความสามารถในการรับความเสี่ยง
เริ่มต้นลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสม
: ลูกจ้างควรเริ่มต้นลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสม และค่อยๆ เพิ่มจำนวนเงินลงทุนตามความสามารถ
ติดตามผลการลงทุน
: ลูกจ้างควรติดตามผลการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนการลงทุนตามความเหมาะสม
5. จะได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อไร
สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้รับเงินกองทุนคืนเมื่อสิ้นสุดการเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น การลาออกจากงานหรือกองทุน เกษียณอายุ รวมถึงการเสียชีวิตและทุพพลภาพ ทั้งนี้เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมที่จะได้รับอาจแตกต่างกันตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เช่น บางบริษัทอาจมีข้อกำหนดสิทธิรับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบตามระยะเวลาการทำงาน แต่สมาชิกจะได้รับส่วนของเงินสะสมและผลประโยชน์จากเงินสะสมครบทั้งจำนวน ไม่ว่าจะอายุงานเท่าไรก็ตาม
กรณีลาออกจากงาน สามารถเลือกรับเงินก้อนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือโอนเงินไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ หรือรักษากองทุนไว้จนครบกำหนดอายุเกษียณ
ตัวอย่าง: นาย C ทำงานที่บริษัท D มา 5 ปี หากลาออกจะได้รับเงินส่วนที่นายจ้างสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม (เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ) 50% และจะได้รับเงินในส่วนที่ตัวเองสะสมไว้ (เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม) 100%
แต่ถ้านาย C ทำงานที่บริษัท D มา 9 ปี แล้วลาออก จะได้รับเงินที่ตัวเองสะสมไว้ รวมถึงเงินส่วนที่นายจ้างสมทบเต็ม 100% ทั้ง 2 ส่วน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหมาะสำหรับเป็นการออมเงินระยะยาว แต่ถ้าพูดถึงกองทุนเพื่อการลงทุนที่งอกเงยได้ไวกว่า เพื่อนๆสามารถเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เพื่อการวิเคราะห์เพื่อหากองทุนที่ใช่ในช่วงเวลานั้นๆ
ลองใช้งาน *ฟรี* ที่นี่ -> https://fund.deepscope.com
แหล่งข้อมูล
http://sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?NewsNo=2...
texasfairplan.org/
finnomena.com/finnomenafunds/what-is-provident-fund/