Web
                        Analytics
ลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนม หรือจะสู้ลงทุนในกองทุนเติบโตระยะยาว

ลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนม หรือจะสู้ลงทุนในกองทุนเติบโตระยะยาว

01 Sep 2022   |    1206


ลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนม หรือจะสู้ลงทุนในกองทุนเติบโตระยะยาว:

กระเป๋าแบรนด์เนมนอกจากความสวยงาม หรูหรา บ่งบอกถึงสถานะแล้ว กระเป๋าเหล่านี้ยังมีมูลค่าในตัวเองประหนึ่ง "สินทรัพย์" ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในตัวเอง เช่นเดียวกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม กระเป๋าแบรนด์เนมมีอยู่เพียง 2 แบรนด์ที่ตอนนี้ขายต่อแล้วได้กำไร นั้นก็คือ Hermès และ Chanel และกลไกของ value หรือ มูลค่าเบื้องหลังของแต่ละแบรนด์ก็ถูกออกแบบมาซับซ้อนและแยบยบดีมากดังนี้

  • เราจะได้ Hermès มาแต่ละใบนั้นเราอาจจะต้องเสียเงินให้กับแบรนด์ไปแล้วเกือบเท่าหรือมากกว่าราคากระเป๋าเพื่อซื้อของอื่นๆ ของแบรนด์ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับเชิญในการจะได้ซื้อกระเป๋าของ Hermès
  • Chanel นั้นอาจจะหาซื้อได้ง่ายกว่า แต่สิ่งที่ทำให้กระเป๋าของ Chanel ราคาไม่ตกและเวลาที่ขายยังได้ราคาอยู่นั้น ก็เพราะว่าเป็นแบรนด์ที่ขึ้นราคากระเป๋าของตัวเองอย่างเป็นประจำโดยใน 1 ปี Chanel จะขึ้นราคากระเป๋าถึง 2 ครั้ง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วครั้งประมาณ 10% ซึ่งทำให้ราคาของกระเป๋า Chanel จะขึ้นประมาณ 20% ต่อปีโดยประมาณ

ที่มา: https://www.beautyhunter.co.th/investment-bags/

แต่กองทุนนั้น ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีตัวเลือกเยอะกว่ามาก มีโอกาสทำกำไรได้สูงกว่า และในบางรูปแบบก็มั่นคงในระดับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับการลงทุนในกระเป๋าเเบรนด์เนม

ข้อดีของการลงทุนในกองทุน

  • ผลตอบทนมีหลายรูปแบบ
    • ผลตอบแทนสูง เราสามารถพบเห็นบางกองทุนในบางปีที่ทำผลงานได้ในระดับ 30-40% แต่ก็ผันผวนสูง
    • ผลตอบแทนระดับกลาง แต่มั่นคง เช่นเดียวกันเราก็อาจจะพบเจอบางกองทุนที่ทำผลตอบแทนในระดับ 10% แบบสม่ำเสมอ
    • กองทุนมีหลายประเภท
      • กองทุนรวม (มีตัวเลือกเยอะ ครบคลุมแทบทุกสินทรัพย์ในโลก)
      • กองทุนส่วนบุคคล (ไม่นำเงินของนักลงทุนมารวมกัน ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงกว่า)
  • เลือกลงทุนได้หลากหลาย
    • เพื่อที่จะตอบโจทย์นักลงทุนที่หลากหลาย นักการเงิน และผู้จัดการกองทุนผู้มีประสบการณ์จำนวนมากคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผลิตภัณฑ์การลงทุนหรือกองทุนมีให้เลือกอย่างหลากหลาย และมีแบบใหม่ๆที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนหุ้นเทคโนโลยี, กองทุนทองคำ, กองทุนเฮลท์เทค, กองทุนคลีนเอนเนอร์จี้ (พลังงานยุคใหม่), กองทุนผสม, กองทุนคริปโต, กองทุนเมต้าเวิร์ส และอื่นๆ
  • สิทธิด้านภาษี
    • สิทธิทางภาษี คืออีกผลประโยชน์ทางตรงอีกด้าน นอกเหนือจากผลตอบแทนจากการลงทุนตามปกติที่นักลงทุนมีโอกาสได้ (NAV, ปันผล) และที่สำคัญเหนือจากกระเป๋าแบรนด์เนม หากเลือกลงทุนในกองทุนที่ถูกประเภท อันประกอบไปด้วย SSF และ RMF ซึ่งเป็นกองทุนที่ภาครัฐให้สิทธิประโยชน์บันทึกลดหย่อนภาษีได้
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
    • ผู้เชี่ยวชาญจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการบริหารกองทุนจะเป็นไปอย่างโปร่งใส และราบรื่น เป็นไปตามแผน และที่เหนือกว่ากระเป๋าแบรนด์เนมคือ จะคอยดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจ และสับเปลี่ยนทรัพย์สินของกองทุนให้พยายามชนะตลาดอยู่เสมอ
  • กระจายการลงทุน
    • นักลงทุนจะพบกับความเสี่ยงที่สูงมากถ้าลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนมแต่เพียงอย่างเดียว แต่กับกองทุนที่มีการจัดการกระจาย allocation ที่เหมะสม (เช่น กองทุนหุ้นไทย + กองทุนหุ้นต่างประเทศ + กองทุนพันธบัตร) การกระจาย allocation นี้มีประโยชน์อย่างมากที่จะทำให้การลงทุนของเราทนแดดทนฝน ทนได้กับหลากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

ที่มา: https://www.principal.th/th/benefitsofinvestingmutualfund


Share this article: