Web
                        Analytics
สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 06/01/2020

สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 06/01/2020

06 Jan 2020   |    917


Global Economy

[Trade war] ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ในวานนี้ (31 ธ.ค. 62) ว่า เขาจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง หลังจากลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค.

[Iran] ความตึงเครียดในตะวันออกกลางสูงขึ้น ภายหลังสหรัฐโจมตีทางอากาศนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน เป็นนายพลคนสำคัญ ทางอิหร่านประกาศจะตอบโต้ในกรณีดังกล่าว และสหรัฐพร้อมตอบโต้อิหร่าน “อย่างรุนแรง” หากอิหร่านคิดแก้แค้นสหรัฐ ส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอีกด้านเป็นการสะท้อนถึงความสามารถทางการทหารของสหรัฐที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้แม่นยำและลดระดับการปะทะโดยตรง

[China] จีนระงับ cross-border listings “เซี่ยงไฮ้-ลอนดอน” ปมอังกฤษหนุน “ม็อบฮ่องกง”

Thailand Economy

ความตึงเครียดทางการเมืองไทยกรณีพรรคอนาคตใหม่ ยังคงก่อตัวอย่างต่อเนื่อง

ภาวะภัยแล้งเสียหาย 15 จังหวัด คาดว่าจะนาน 6 เดือน ภายหลัง หลังจากเดือน พ.ย. 62 จะไม่มีฝนเข้าสู่แหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งส่งผลกดดันกำลังซื้อของเกษตรกร ส่งผลต่อกำลังซื้อโดยรวมของประเทศ และส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจไทย โดยกรมชลประทานระบุเขื่อนใหญ่ 14 แห่ง น้ำใช้วิกฤติต่ำกว่าร้อยละ 30 ส่วนที่เชียงใหม่ เขื่อน 131 แห่ง น้ำน้อยต่ำกว่าปี 62 ครึ่งหนึ่ง

ตลาดรถยนต์มือสอง ชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2561 สาเหตุจากภาวะหนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูงและธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ปี 2562 ขยายตัว 0.71% ขยายตัวแบบชะลอลงจากเงินเฟ้อปี 2561 ขยายตัว 1.71%

กรอบการลงทุน

ดัชนี SET ณ สิ้นวันศุกร์ อยู่ที่ระดับ 1594.97 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1579.91 จุด ปรับขึ้นยืนเหนือแนวรับ 1570 แต่ยังไม่สามารถปรับตัวทะลุแนวต้าน 1600 ที่มีทั้งเส้นแนวนอนและแนวทแยงได้

ทิศทางเศรษฐกิจภายในประเทศยังมีปัจจัยเชิงลบหลายปัจจัยกดดัน ได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง ค่าเงินบาทแข็งค่า ภัยแล้งกดดันภาคการเกษตร ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ การบังคับใช้ภาษีที่ดิน เป็นต้น

ในขณะที่ ปัจจัยเชิงบวกได้แก่ คาดการณ์การฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทย จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไป

แนวต้านระยะสั้น คือ 1750,1716,1677,1650,1600 แนวรับระยะสั้นคือ 1570,1545,1525 (กรอบ Correction)

ในระยะกลาง แนวรับสำคัญมากคือ 1570+-10, และแนวต้านที่ 1770

ตลาดยังคงให้ความสำคัญกับหุ้นกลุ่ม Defensive ที่มีกระแสเงินสดมั่นคง และมีความต้านทานต่อสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้น

ในช่วงก่อนหน้า มีแรงขายในกลุ่มหุ้นขนาดกลางเล็ก เหตุผลคือ กองทุนเร่งขายหุ้นที่สภาพคล่องต่ำก่อน เพื่อรองรับผลกระทบจากการย้ายเม็ดเงินจากกองทุน LTF ไปยังกองทุน SSF ซึ่งลงทุนในต่างประเทศดัชนีกลุ่มอุตสากรรม SET


Icons made by photo3idea_studio from www.flaticon.com



Share this article: