Web
                        Analytics
สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 02/12/2019

สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 02/12/2019

02 Dec 2019   |    991


Global Economy

[28 พ.ย.] ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามผ่านร่างกฎหมาย Hong Kong bill โดยกฎหมายมีแนวโน้มสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ส่งผลให้สหรัฐสามารถเข้าแทรกภายในฮ่องกงได้รวดเร็วขึ้นหากจำเป็น

จีนประกาศพร้อมดำเนินการตอบโต้อย่างเด็ดขาดต่อสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่สนับสนุนผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

เกี่ยวกับประเด็น Hong Kong Bill นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่าเป็น Weak action โดยประเมินจากท่าทีการแถลงของโดนัลด์ทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวที่ไม่มีความรุนแรง ประกอบกับมาตรการห้ามส่งอาวุธต่อต้านการประท้วงไปยังฮ่องกง คาดว่าทางการฮ่องกงและจีนไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ

ความกังวลการผิดชำระหนี้ในประเทศจีนเกิดขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของธนาคารท้องถิ่นขนาดเล็กในจีนที่ค่อนข้างย่ำแย่

PBoC แบงชาติจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR (Loan Prime Rate) ทั้งอายุ 1 ปี และ 5 ปี สู่ระดับ 4.15% และ 4.80% ตามลำดับ โดยอัตราดอกเบี้ยระยะยาวเป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับการปลอยกู้ในภาคอสังหาฯ สะท้อนว่ารัฐบาลจีนผ่อนคลายภาคอสังหาฯมากขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลด เนื่องจากตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังยืดเยื้อ และ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 62 ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 12.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 12.40 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ติดตามการประชุม OPEC+ (รวมรัสเซีย) วันที่ 5-6 ธ.ค. โดยมีการเสนอขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค. 63 ไปเป็นเดือน มิ.ย. 63 และตลาดคาดการณ์ประเด็นนี้เช่นกัน

ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกา ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยประกาศตัวเลขดังจ่อไปนี้
- PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน พ.ย. ขยายตัวที่ 52.2 จุดมากกว่าที่คาดโดยได้แรงหนุนจากคำสั้งซื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน
- PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือน พ.ย. ขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 เดือนแตะระดับ 51.6 จุด
- ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดนอกจากนี้ราคาบ้านยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและภาวะ Supply ขาดตลาด

Thailand Economy

คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการ "มาตรการบ้านดีมีดาวน์" โดยการสนับสนุนเงินดาวน์ (Cash Back) 50,000 บาทสำหรับผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีเงินได้พึงประเมินในปี 2561 ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เพื่อช่วยเคลียร์สต๊อกบ้านสร้างใหม่ที่ค้างอยู่กว่า 2.7 แสนยูนิต ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ทั้งนี้ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวกลับมา แต่เป็นการชะลอสภาวะถดถอยของตลาดและเร่งดึงความต้องการซื้อบ้านในอนาคตมาเป็นปัจจุบัน

มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ เลื่อนแบน 3 สารพิษ ต่ออายุ "พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส" อีก 6 เดือน เลื่อนจาก 1 ธ.ค.62 เป็น 1 มิ.ย. 63 ส่วนวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2561

กลุ่มโรงพยาบาลมีการประชุมร่วมกับกรมการแพทย์ในเบื้องต้น และมีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติเพิ่มค่าหัวประกันสังคมเฉลี่ย 13% เป็น 3,064 บาทต่อรายต่อปี ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่อาจปรับไม่ถึง 13% รอติดตามผลในวันที่ 11 ธ.ค.

กรอบการลงทุน

ดัชนี SET ณ สิ้นวันศุกร์ อยู่ที่ระดับ 1590.59 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1597.72 จุด ปรับตัว -0.45% ยังยืนเหนือระดับแนวรับ 1570-1580

คาดหวังแรงซื้อจากกองทุน LTF ซึ่งนักลงทุนจะซื้อกองทุนในช่วง 1-2 เดือนท้ายของปี พยุงดัชนีตลาดหลักทรัพย์

สภาพตลาดมีความผันผวนจากปัจจัยความไม่แน่นอนการเจรจาเพื่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

แนวต้านระยะสั้น คือ 1750, 1716, 1677, 1650 แนวรับระยะสั้นคือ 1570, 1545 (กรอบ Correction)

ในระยะกลาง แนวรับสำคัญมากคือ 1570+-10, และแนวต้านที่ 1770

ประเมินตลาด sideway ในกรอบกว้าง เนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมทั่วโลกส่งสัญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน แต่ชดเชยด้วยรัฐบาลไทยมีมาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อชะลอการถดถอยของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวังปัจจัยความเสี่ยง crisis ที่อาจพัฒนาขึ้นได้ โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจมีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น


Share this article: